วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ความฉลาดและความเขลาของอัจฉริยะEvariste Galois (เอวารีส กาลัวส์)

ในยามเช้ามืดของวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2375 Evariste Galois นัก คณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสวัย 20 ปี เริ่มเขียนจดหมายถึงเพื่อน 2 คน ชื่อ Napoleon Lobon และ V. Delauney ว่าผมถูกชายสองคนท้าดวลปืน ซึ่งผมไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงต้องขอ อภัยเพื่อนว่าอย่าได้ตำหนิที่ไม่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้ทราบ เพราะคู่ท้า ดวลของผมได้ให้ผมสาบานว่า จะไม่บอกให้ใครรู้ ถึงเพื่อนจะช่วยผมเรื่องดวล ปืนนี้ไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่เพื่อนสามารถช่วยผมได้ นั่นคือ ช่วย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมให้คนอื่นรู้ว่า ผมได้พยายามปรองดองกับศัตรู แล้ว แต่ไม่ได้ผล และสุดท้ายนี้ ผมขอให้เพื่อนระลึกถึงผมบ้าง เพราะพระผู้ เป็นเจ้ามิได้ประทานชีวิตให้ผมอยู่นานพอที่จะทำให้คนทั้งประเทศได้รู้จักผมจากไปในฐานะเพื่อนของคุณE. Galoisและเมื่อถึงเวลาค่ำของวันเดียวกันนั้นเอง หลังจากที่ได้ง่วน เขียนงานวิจัยคณิตศาสตร์เป็นครั้งสุดท้ายทั้งวัน Galois ก็ได้เขียนจดหมาย อีกฉบับหนึ่งถึงเพื่อนสนิทชื่อ Auguste Chevalier ว่าผมมีความสุขทั้งๆ ที่เศร้า เพราะผมมีเพื่อนแท้ ขณะนี้ผมเบื่อ ทุกสิ่งทุกอย่าง เบื่อแม้กระทั่งการมีชื่อเสียง แต่ผมก็ดีใจเพราะผมได้พบ สูตรคณิตศาสตร์ที่ว่าด้วยทฤษฎีสมการคือ ผมได้พบเงื่อนไขที่ทำให้รู้ว่า สมการรูปแบบต่างๆ มีคำตอบหรือไม่ แต่ผมไม่มีเวลามากพอที่เขียนอธิบายทุก สิ่งทุกอย่างให้คนทั้งหลายทราบ จึงขอให้เพื่อนช่วยรายงานข่าวนี้ ให้ Carl Gustav Jacobi หรือ Carl Friedrich Gauss รู้ แต่ไม่ใช่ให้ตรวจ สอบว่าความรู้ที่ผมพบนี้ถูกหรือผิด เพียงให้นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง สองให้ความเห็นว่า สิ่งที่ผมพบนั้น สำคัญเพียงใด เพราะผมคิดว่า นัก คณิตศาสตร์หลายคนคงใช้ทฤษฎีนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตการวิเคราะห์ลายมือในจดหมายทั้งสองฉบับที่ Galois เขียนถึง เพื่อนแสดงให้เห็นว่า เขาเขียนอย่างรีบร้อน เพราะเมื่อถึงเวลาเช้ามืดของ วันต่อมา Galois ได้ออกเดินทางไปที่โรงแรม Sieu Faultrier ในกรุงปารีส เพื่อดวลปืนกับ Pescheux d' Herbinville ณ ที่ใกล้สระของโรงแรม และที่ระยะ ไกล 25 ก้าว ผลการต่อสู้ปรากฏว่า Galois บาดเจ็บเพราะถูกยิงที่ท้อง และถูก ทิ้งให้นอนจมกองเลือดคนเดียว จนชาวนาผู้หนึ่งเดินผ่านมาพบ จึงได้นำส่งโรง พยาบาล Cochin แต่ Galois ทนพิษบาดแผลไม่ได้จึงเสียชีวิตในอ้อมแขน ของ Alfred พี่ชาย หลังจากที่ปฏิเสธไม่ยินยอมให้พระมาสวดโปรดเป็นครั้งสุด ท้ายอีก 14 ปีต่อมา จดหมายฉบับที่ Galois เขียน ถึง Auguste Chevalier ก็ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่โดย Joseph Loiuville และ โลกก็ประจักษ์ว่า นั่นคือการถือกำเนิดของคณิตศาสตร์แขนงใหม่ชื่อ ทฤษฎี กลุ่ม (group theory) ที่มีประโยชน์มาก เพราะสามารถนำไปใช้ได้กว้างขวาง ทั้งในวิชาคณิตศาสตร์เอง และในวิชาฟิสิกส์ที่ว่าด้วยกลศาสตร์ควอนตัมด้วยประเด็นที่น่าสนใจคือ ทั้งๆ ที่สาระในจดหมายแสดงให้เห็น ว่า Galois ใช้เวลาเขียนเรื่องทฤษฎีกลุ่มไม่นาน แต่นักคณิตศาสตร์รุ่นหลัง ต้องใช้เวลานานร่วม 2 ศตวรรษแล้วก็ยังใช้ความคิดของ Galois ไม่หมดGalois เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2354 (สมัยสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัย) ที่เมือง Bourg-la-Reine นอกกรุงปารีส บิดา Nicholas-Gabriel Galois อายุ 36 ปี มีอาชีพเป็นครู แต่ต่อมาได้ลาออก ไปดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมือง ส่วนมารดา ชื่อ Adelaide-Marie Bemente Galois เป็นบุตรคนที่สองของครอบครัวซึ่งมี บิดามารดาเฉลียวฉลาด เพราะได้รับการศึกษาดี และมีความรู้ด้านปรัชญา วรรณคดี และศาสนา ซึ่งเป็นวิชาที่สำคัญในสมัยนั้น การสืบค้นประวัติของ สมาชิกในครอบครัวนี้ ไม่พบผู้ใดเก่งคณิตศาสตร์เลยในช่วงเวลาชีวิต 12 ปีแรก Galois ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็ก ทั่วไป แต่เรียนหนังสือกับมารดา โดยเรียนกรีก ละติน และศาสนา แต่ไม่เรียน คณิตศาสตร์ เพราะสังคมยุคนั้นคิดว่า คณิตศาสตร์ไม่สำคัญสำหรับการดำรงชีวิตเมื่ออายุครบ 12 ปี Galois ผู้มีความสามารถในการจำได้ดี เช่น เดียวกับ Gauss ก็เริ่มเข้าโรงเรียน โดยได้ไปเรียน ที่ College Royal de Louis-Grand ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีศิษย์เก่า ชื่อ Victor Hugo และมารดาของ Galois ก็ชอบโรงเรียนนี้ขณะเรียนเทอมแรก Galois เริ่มมีความรู้สึกต่อต้านสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเมือง การศึกษา กษัตริย์ หรือการศาสนา จนมารดา ของ Galois รู้สึกว่าบุตรชายเป็นคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่วู่วามได้เลย ดังนั้น เมื่อ Galois แอบทราบข่าวว่า อาจารย์ใหญ่กำลังจะมอบโรงเรียนให้นัก บวช Jesuit ซึ่งเป็นพวกขวาจัดควบคุมดูแล เขากับเพื่อนนักเรียนจึงพากันเดิน ขบวนประท้วง และเวลาอยู่ในโบสถ์ก็ไม่ร้องเพลงสวดร่วมกับคนอื่นๆ หรือเวลา ต้องร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ในงานเลี้ยงต่างๆ เหล่า เด็กหัวรุนแรงกลุ่มนี้ก็นิ่งเฉย เป็นต้นพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องลักษณะนี้ ทำให้อาจารย์ใหญ่มีโทสะมาก จึงประกาศไล่นักเรียน 40 คนออกจากโรงเรียน ถึงแม้ Galois จะมิใช่คนที่ถูก ไล่ออก แต่เขาก็รู้สึกเจ็บแค้นแทนเพื่อนในการกระทำของครูใหญ่มาก และเริ่ม มีความคิดว่า ผู้มีอำนาจไม่มีความยุติธรรมโลกไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงว่า Galois เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือการมีครูไม่เก่ง ทำให้สมองและความสามารถของ Galois อ่อนด้อย หลักฐาน ที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่า ในช่วงเวลา 2 ปีแรกของการเรียนที่ Louis-Grand นั้น เขาได้รับรางวัลการเรียนละตินได้ดี และได้รับเกียรติบัตรในการสอบวิชา ภาษากรีก แต่เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 ความสามารถด้านการพูดและการเขียน ของ Galois เริ่มมีปัญหาเขาจึงสอบไล่ตก ทำให้ต้องเรียนซ้ำชั้น จากนั้นความ สนใจก็เริ่มเบี่ยงเบน เมื่อได้เข้าเรียนวิชาพีชคณิตกับครู ชื่อ Hippolyte Jean Vernier การได้อ่านตำราชื่อ Elements de geometrie ของ A.M. Legendre ทำให้เริ่มสนใจผลงานของ Niels Abel นอกจากนั้น เขาก็ยัง ได้อ่านตำรา ชื่อ The Resolution of Algebraic Equation, The Theory of Analytic Functions และ Lessons on the Calculus of Functions ของ J. L. Lagrange ด้วย หนังสือ เหล่านี้มีส่วนทำให้ Galois ลุ่มหลงรักคณิตศาสตร์ จนถอนตัวไม่ขึ้น และ เมื่อครู Vernier เห็นแววอัจฉริยะของ Galois ว่า ศิษย์คนนี้มีพรสวรรค์มาก จึงเขียนชมเชย Galois ในสมุดรายงานว่า Galois เป็นคนฉลาดที่มีความสามารถ สูง และมีความกระตือรือร้นจนเห็นได้ชัดการได้สัมผัสวิชาคณิตศาสตร์ และการเรียนคณิตศาสตร์ได้ดีได้ ทำ ให้บุคลิกของ Galois เปลี่ยน คือเขาเริ่มไม่สนใจเรียนวิชาอื่น นอกจากวิชา คณิตศาสตร์วิชาเดียว จนครูมนุษยศาสตร์ที่สอน Galois พากันขุ่นเคือง จึง เขียนบันทึกในสมุดรายงานว่า เขาเป็นคนประหลาด คือไม่ชอบสังคม และไม่ชอบฟัง ครูสอนเลยเมื่อความขัดแย้งระหว่าง Galois กับครูวิชาต่างๆ มีมากขึ้นๆ ครู Vernier จึงได้ขอร้องให้ Galois ตั้งใจเรียนวิชาอื่นบ้าง แต่ Galois มิได้เชื่อฟังหรือปฏิบัติตามกลับพยายามหนีครูเหล่านั้น โดยการสมัครสอบเข้า มหาวิทยาลัย Ecole Polytechnique ก่อนถึงเวลาอันควร 1 ปีการไม่ได้เตรียมตัวสอบ การไม่รู้วิชาอื่นๆ ดี นอกจากวิชา คณิตศาสตร์เพียงวิชาเดียว ทำให้เขาสอบเข้าไม่ได้ แต่แทนที่ Galois จะโทษ ตัวเอง เขากลับคิดว่าระบบการสอบเข้าไม่ยุติธรรม การคิดเช่นนี้ทำให้เขารู้ สึกต่อต้านสถาบันการศึกษา และระบบการเรียนมากยิ่งขึ้นอีกถึงแม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่ Galois ก็ยังสนใจ คณิตศาสตร์ต่อไป เพราะเขารู้สึกว่า ยิ่งเรียน เขาก็ยิ่งเก่ง จนครู คณิตศาสตร์ชื่อ Louis-Paul-Emile Richard รู้ว่า Galois คือลูกศิษย์ อัจฉริยะที่เรียนคณิตศาสตร์ได้ดีกว่าคนอื่นๆ มาก การได้รับคำชมเชย จาก Richard ทำให้ Galois รู้สึกดี จึงได้ทุ่มเทตนเองศึกษาคณิตศาสตร์มาก ขึ้น จนในที่สุด เขาก็ได้ตีพิมพ์งานวิจัยคณิตศาสตร์เรื่องแรกในชีวิต ชื่อ Proof of a Theorem on Periodic Continued Fractions ใน วารสาร Annales de mathematique pures et appliquees ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2372 ทั้งๆ ที่ขณะนั้นเขายังเป็นนักเรียนชั้นมัธยม
ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีสมการในสมัยนั้นมีว่า สมการ พีชคณิตที่มีตัวแปรเป็น x และมีสัมประสิทธิ์ของ x ยกกำลังต่างๆ เป็น a, b, c...ซึ่งเป็นเลขจำนวนอะไรๆ ก็ได้ หากการแก้สมการหาค่า
ให้ใช้ เพียงวิธีบวก ลบ คูณ หาร หรือถอดกรฑ์ (root) เท่านั้น เราก็ถือว่าสมการ นั้นถอดได้ คือมีสูตรสำเร็จหาค่า ได้ เช่น ถ้าสมการมีรูปแบบเป็น = นี่คือสมการ กำลังหนึ่ง เพราะกำลังสูงสุดของ ในสมการนี้คือ 1คำตอบสำหรับ ในสมการ นี้คือ หรือถ้าเรามีสมการกำลังสองที่มีรูปแบบเป็น สำหรับสมการนี้ นักคณิตศาสตร์ชาว Babylon ได้รู้มานานร่วม 2,000 ปีแล้วว่า มีค่าเท่ากับ
สำหรับกรณีสมการกำลังสามที่มีรูปแบบเป็น = นั้น ในปี พ.ศ. 2088 ยุค Renaissance หนุ่ม Gerolamo Cardano ได้พบว่า คำตอบหนึ่งของ x
ส่วนในกรณีสมการ
Victa ก็ได้พบว่า ถ้าเขาแทนค่า x = y-p/3 เขาจะได้สมการ ซึ่งสามารถแก้ได้โดยวิธีของ Cardano เมื่อหาค่า ได้ นั่นก็คือหาค่า ได้ด้วยในกรณีสมการกำลัง 4 ที่มีรูปแบบเป็น Niels Henrik Abel นักคณิตศาสตร์ชาวนอร์เวย์ได้แสดงให้ทุกคนประจักษ์แล้วว่า ไม่มีสูตรหาค่า ในเทอมของ และ เลยคำตอบต่อไปคือ ในกรณีสมการกำลัง ที่ มีค่าตั้งแต่ ขึ้นไป สูตรสำเร็จสำหรับหาค่า มีหรือไม่มี และถ้ามีเงื่อนไขในการหาคำตอบ ได้จะต้องเป็นเช่นใด และนี่ก็คือผลงานที่ Galois พิสูจน์ได้เป็นคนแรก และผลพลอยได้ที่เกิดจากผลงานนี้คือ ทฤษฎีกลุ่ม (group-theory) ที่ นักเรียนเรียนกันจนทุกวันนี้ และเมื่อ Galois ตั้งใจนำผลงานวิจัยเรื่อง ทฤษฎีสมการเสนอต่อที่ประชุมวิชาการของ French Academy of Science ใน ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม -1 มิถุนายน พ.ศ. 2372 ทั้งๆ ที่เขายังเรียน หนังสืออยู่ชั้นมัธยมปีสุดท้ายที่ Louis-le-Grand และในขณะเดียวกันก็ได้ พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัย Ecole Polytechnique อีกเป็นครั้งที่สองด้วย เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกสอนหลายคน เช่น Cauchy, Fourier, Legendre, Lagrange, Coriolis, Poisson, Jacobi, Laplace, Ampere และ Gay-Lussac ดังนั้น เด็กทุกคนที่ต้องการเป็นนักคณิตศาสตร์ จึงหมายมั่นว่า ต้องสอบเข้าที่นี่ให้ได้แต่ไม่ทันได้สอบ ก็เกิดเรื่องใหญ่คือ บิดาของ Galois ได้ทำ อัตวินิบาตกรรมในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2372 เพราะถูกใส่ไคล้ว่าได้เขียนจด หมายบริภาษญาติของตน การสูญเสียบิดาโดยอำนาจอธรรมทำให้ Galois เสียใจมาก แต่ก็เข้าสอบ ทั้งๆ ที่สภาพจิตใจไม่พร้อมเลยและในวันที่สอบสัมภาษณ์นั้น ก็เกิดเรื่องอีก เพราะเมื่ออาจารย์ ชื่อ Diner ที่สอบสัมภาษณ์ต้องการให้ Galois อธิบายคุณสมบัติของ อนุกรม logarithm หนุ่ม Galois ตอบโดยไม่แสดงวิธีพิสูจน์ให้ดู และอ้างว่า ทุกอย่างชัดเจนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อีกให้เสียเวลา ทั้งนี้ เพราะ Galois ชอบคิดโจทย์ที่ซับซ้อนและยาก ดังนั้น เมื่ออาจารย์ตีจิกใน ประเด็นที่ไม่ "สลักสำคัญ" Galois จึงรู้สึกรำคาญมากจนถึงกับยกยางลบขว้าง หน้าอาจารย์ ผลการสอบก็ชัดเจนตามมาว่า Galois สอบเข้าไม่ได้อีกครั้งหนึ่งความผิดหวัง 2 เรื่องทั้งเรื่องพ่อ และเรื่องสอบไม่ได้ทำ ให้ Galois เกลียดผู้มีอำนาจ และระบบการปกครอง ระบบการศึกษา ฯลฯ มาก จึง ได้ลดความทะเยอทะยานของตนลง โดยไปสอบเข้าที่ Ecole Normale แทนในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2372 ผลปรากฏว่า สอบเข้าได้เพราะทำคะแนนคณิตศาสตร์ได้ดี เยี่ยมขณะเรียนที่มหาวิทยาลัย Galois ตั้งใจนำงานวิจัยที่ตนทำเสร็จ เสนอในที่ประชุมของ Academy of Sciences อันเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ที่มี ชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส และสถาบันก็ได้แต่งตั้งให้ Augustin Cauchy นักคณิตศาสตร์เซียนของฝรั่งเศสเป็นผู้ประเมินผลงาน Cauchy สัญญาว่าจะ เชิญ Galois มาพูด แต่ลืมเชิญ ซ้ำร้าย Cauchy ทำต้นฉบับงานวิจัยของ Galois หายในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2373 Galois นำงานวิจัยที่ทำใหม่อีก 3 ชิ้นเสนอขอรับรางวัล Grand Prize in Mathematics แต่โชคไม่ช่วยอีก เพราะ Jean Baptiste Joseph Fourier ผู้เป็นเลขาของที่ประชุม และเป็นผู้ รับเอกสารจาก Galois ทำเอกสารหาย และได้เสียชีวิตลงในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2373 โดยยังไม่ทันได้อ่านงานวิจัย และเมื่อไม่มีใครหาต้นฉบับเจอ งาน วิจัยของ Galois จึงพลาดรางวัลอย่างน่าเสียดายเหตุการณ์ร้ายๆ เช่นนี้ทำให้ Galois รู้สึกเสมือนว่า ตนถูกผู้ ใหญ่เช่น Lacroix Fourier, Poisson, Legendre และ Poinsot กลั่นแกล้ง แต่ ก็ไม่ท้อแท้ยังวิจัยต่อ จนกระทั่งสามารถรู้เงื่อนไขที่ทำให้สมการไม่ว่าจะ มีกำลังเท่าใด มีคำตอบหรือไม่มี โดยวิธีพีชคณิต และนี่ก็คืองานชิ้นสำคัญ ที่ Galois ได้ทำเสร็จ 1 ปีก่อนที่จะไปดวลปืนขณะที่ชีวิตวิชาการกำลังเดินไปได้ด้วยดีนั้น ชีวิตการเมือง ของ Galois ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้นๆ เมื่อ Galois ได้สมัครเป็นสมาชิก พรรค Republican ซึ่งเป็นพรรคที่ประชาชนไม่นิยม และเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2373 สมเด็จพระเจ้า Charles ที่ 10 แห่งราชวงศ์ Bourbon ทรงถูกเนรเทศ ทำให้ Cauchy Louis Philippe ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แทน เหตุการณ์นี้ทำ ให้ Galois ผิดหวังมาก เขาจึงชวนเพื่อนๆ ไปเดินขบวนสร้างความโกลาหลในกรุง ปารีสบ่อยๆ และเมื่อต้องไปเรียนวิชาทหารในโรงเรียนทหาร เขาได้กล่าวหาผู้ บังคับบัญชาของโรงเรียน ทหาร Ecole Preparatoire นั้น ว่าทรยศต่อบ้านเมือง การใช้อารมณ์กล่าวหาคนอื่นเช่นนี้ทำให้ Galois ถูกไล่ออกจากโรงเรียนสำหรับประเด็นการมีอารมณ์วู่วามนี้ Sophie Germain นัก คณิตศาสตร์สตรีผู้มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส ก็ยืนยันว่าจริง เพราะเธอเล่าว่า เวลา Galois ซึ่งยากจนไปนั่งฟังการบรรยายวิชาการในที่ประชุม ของ Academy of Sciences เขามักกล่าววาจาดูถูก องค์ปาฐกว่าไม่ฉลาด คำ วิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนี้ทำให้นักวิชาการต่างๆ รู้สึกระอาในความโอหัง ของ Galois มาก เมื่อ Galois ถูกไล่ออกจากโรงเรียนทหารแล้ว เขาก็ได้กลับไป อยู่กับแม่ที่บ้านอีก แต่แม่บังเกิดเกล้าก็ไม่สามารถทนนิสัยเห็นเสือก็ไม่ กลัวของ Galois ได้ จึงต้องหนีออกจากบ้านของตนไปในที่สุด
เมื่อถึงวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2374 ขณะมีงาน เลี้ยงของพรรค Republican ที่ Vendanges des Bourgogne เพื่อฉลองการที่ สมาชิกพรรค 19 คน ถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากข้อหากบฏ Galois ได้ลุกขึ้นกล่าว คำปราศรัย ในมือขวามีแก้วเหล้า มือซ้ายถือกริชและเมื่อจบคำปราศรัย เขาได้ กล่าวคำอวยพรว่า "เพื่อกษัตริย์ Louis Philippe" ทันทีที่ขาดคำ ผู้คน 200 คน ในที่นั้นฮือฮาเฮ เพราะเห็นกริชในมือ ทำให้ดูเหมือนว่า Galois จะจ้วง แทงกษัตริย์ ถึงอย่างไรก็ตาม คนหลายคนเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น Galois จึง กลายเป็นฮีโร่ของพรรคในวันนั้นเมื่อข่าวการปราศรัยครั้งนั้นล่วงรู้ถึงสังคมภายนอก Galois จึง ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำให้ถูกขังคุกที่ Sainte-Pelagie แต่ก็ ได้รับการปลดปล่อย เมื่อเขากล่าวชี้แจงว่า สิ่งที่ผู้คนในงานได้ยินเป็น เพียงส่วนหนึ่งของประโยค เพราะประโยคเต็มๆ คือ "เพื่อ Louis Philippe ถ้า พระองค์ทรงทรยศต่อแผ่นดิน" แต่ประโยคครึ่งหลังได้ถูกเสียงฮือฮาของผู้คนใน งานกลบจนหมดสิ้น เมื่อได้ฟังคำอธิบายเช่นนี้ คณะลูกขุนและผู้พิพากษาจึง ตัดสินปล่อย Galois ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 19 ปีในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 ซึ่งเป็นวัน Bastille ที่สำคัญ ของฝรั่งเศส Galois ถูกตำรวจจับอีก ในข้อหาแต่งเครื่องแบบทหารปืนใหญ่ ( ซึ่งหน่วยงานนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว) และมีอาวุธมีดทำให้ต้องติดคุก ที่ Sainte-Pelagie นาน 8 เดือน เหตุการณ์นี้ทำให้ Galois โกรธ และขมขื่น มาก จนปรารภกับเพื่อนว่าอยากฆ่าตัวตายถ้าการติดคุกร้ายไม่พอ การที่งานวิจัยคณิตศาสตร์ ถูก Simenon-Denis Poisson กล่าวปฏิเสธไม่ให้ลงพิมพ์อีก การถูกความวัวความ ควายแทรกเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตของ Galois แล้ว Galois จึงมีอาการเศร้าซึมและทอดอาลัยชีวิตมากเมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2375 นักโทษ Galois ถูกย้ายจากคุก ที่ Sainte-Pelagie ไปถูกกักกันที่โรงแรม Sieur Faullrier เพื่อหนี เหตุการณ์อหิวาต์ระบาด และได้พบสตรีลึกลับคนหนึ่ง ซึ่งหลายคนสงสัยว่าเป็น โสเภณี หรือสตรีที่ฝ่ายตรงกันข้ามส่งมาล่อลวงว่า Galois ในช่วงเวลา นั้น Galois มีความสุขมาก แต่เมื่อถูกสลัดรัก เขาก็รู้สึกทุกข์มากอีกการติดตามชีวประวัติของ Galois ในช่วงสุดท้ายแสดงให้เห็นว่า ใน วันที่ 27 พฤษภาคม 2375 Galois ได้รับจดหมายท้าให้มาดวลปืน และมีจดหมาย จาก Stephanie Dumotel ถึง Galois ว่า ขอตัดความสัมพันธ์ และนี่ก็คือสตรี ลึกลับอีกคนหนึ่งที่หลายคนคิดว่าได้ทำให้ Galois ต้องจบชีวิตด้วยการดวลปืน เพื่อแย่งชิงเธอเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ Mario Livio ได้เรียบเรียง หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ The Equation That Couldn't Be Solved : How Mathematical Genius Discovered the Language of Symmetry หนังสือ ที่หนา 361 หน้านี้จัดพิมพ์โดย Simon & Schuster ราคา 26.95 เหรียญ สหรัฐ ได้ออกวางตลาดแล้วไฮไลต์ของหนังสือกล่าวถึงชีวิตของ Galois ตั้งแต่ต้นจนจบ หนังสือยังได้อธิบายทฤษฎีสมการของ Galois ด้วยว่า ในอดีตนักคณิตศาสตร์ได้ พยายามหาคำตอบของสมการแต่ละรูปแบบ เช่น สมการกำลังสอง...สาม...สี่ ไปเป็น กรณีๆ ไป โดยไม่มีหลักการรวม แต่เมื่อถึงยุคของ Galois เขาหันไปใช้หลัก ความสมมาตรของสมการ แล้วหาคำตอบจากคุณสมบัติความสมมาตรของสมการนั้น ว่า สมการมีคำตอบง่ายๆ หรือไม่ และด้วยหลักการนี้ Galois ก็สามารถระบุได้ว่า เพราะสมการกำลัง 5 มีสมมาตรมากเกินไป มันจึงไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการหา ค่า xทฤษฎีสมการของ Galois ยังใช้อธิบายสมมาตรของเกล็ดหิมะของศิลปะ และของอนุภาคมูลฐานในฟิสิกส์ได้ด้วย มันจึงเป็นทฤษฎีที่สวย ศักดิ์สิทธิ์ และมีประสิทธิภาพมากGalois เมื่อ Galois จากไป ในงานศพของเขามีคนร่วมงานราว 2,500 คน ณ วันนี้โลกไม่มีศพ Galois เหลือเป็นหลักฐานแล้ว นอกจากผลงานของเขา เพราะหลังจากที่เขาตาย Alfred Chevalier เพื่อนของ Galois ได้ลอกจดหมาย ที่ Galois ส่งผลงานวิจัยถึง Gauss และ Jacobi ออกพิมพ์ในปี พ.ศ. 2379 Loiuville เริ่มนำงาน Galois ลงพิมพ์ โดยได้ปรับปรุงเนื้องานให้ สมบูรณ์ขึ้น และได้แนบเหตุผลอธิบายว่า เพราะงานที่ Galois นำเสนอ ยังไม่ ชัดเจน เขาจึงไม่ตีพิมพ์ให้ เมื่อถึงตอนนี้ที่ Galois ตายแล้ว และเพราะงาน นี้เป็นงานวิจัยที่สำคัญมาก ดังนั้น เรานักคณิตศาสตร์ด้วยกันก็ไม่ควร วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นหยุมหยิม ที่ไม่สำคัญ แต่ขอให้พิจารณาด้านดีของงาน แทน งานวิจัยที่หนา 60 หน้า ของ Galois จึงปรากฏในบรรณโลก และเมื่อคณะ กรรมการพิจารณาผู้สมควรเป็นอาจารย์ของ Ecole Normale และ Ecole Polytechnique เห็นผลงาน และอ่านแล้วก็ลงมติสรุปว่า "คนที่ฉลาด มาก เช่น Galois ถูกปฏิเสธโดยคณะกรรมการที่ฉลาดน้อยกว่า" ซึ่งก็ตรงตาม ที่ Galois เคยพูดอยู่เสมอว่า "เพราะพวกเขาไม่เข้าใจผม ผมจึงเป็นคนโง่ ดักดานในสายตาเขา"การเสียชีวิตของ Galois ก็เช่นเดียวกับการเสียชีวิตของ Abel (ในเวลาไล่เลี่ยกัน) คือจบลงอย่างไม่เป็นสุขอ่านหนังสือเล่มนี้จบหลายคนคงคิดว่า อัจฉริยะบางคนมีพรสวรรค์ใน บางด้านมาก แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ขาดพรธรรมดาด้านอื่นจนไม่รู้ว่าจะใช้ ความเป็นอัจฉริยะที่เขามีให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็ อดชื่นชม Galois ไม่ได้ว่า ทั้งๆ ที่ชีวิตเขาสับสนวุ่นวายมาก แต่เขาก็ยัง ผลิตงานคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยคนยุคนั้นไม่รู้เลยว่าคนที่ถือกริชใน งานเลี้ยงคือ คนที่เก่งคณิตศาสตร์ที่สุดผู้หนึ่งที่โลกมี ชีวิตของอัจฉริยะ ผู้นี้คงทำให้คนหลายคนรู้สึกดีที่ตนไม่ฉลาดเท่า Galoisสุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท
อ่านเพิ่มเติมได้อีกที่

http://www-history.mcs.st-and.ac.uk/~history/Mathematicians/Galois.html